LEO นาร์โด ดาวินซี

ประวัติ เลโอนาร์โด ดาวินซี

ไฟล์:Leonardo self.jpg



       เลโอนาร์โด ดาวินซี  เป็นชาวอิตาลี (เกิดที่เมืองวินชี วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 1995 เสียชีวิตที่เมืองอออมบัวซ์ ในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2062 เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้ง สถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ. ดา วินชี มีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น อาหารค่ำมื้อสุดท้าย (The Last Supper) และ โมนา ลิซ่า (Mona Lisa) งานของ ดา วินชี ยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ ดาราศาสตร์ รวมถึงวิศวกรรมโยธา ด้วยความที่เป็นบุรุษที่มีจิตวิญญาณที่รักในศาสตร์หลายแขนง เลโอนาร์โดทำให้เกิดจิตวิญญาณของสหวิทยาการในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และกลายเป็นบุคคลสำคัญของยุคนั้น
       เลโอนาร์โด เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน โดยที่ที่เขาเกิดอยู่ห่างจากหมู่บ้านวินชี ในประเทศอิตาลี   ไปราวสองกิโลเมตร บิดาชื่อนายแซร์ ปีเอโร ดา วินชี เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารของรัฐ มารดาชื่อคาตารีนาเป็นสาวชาวนา เคยมีคนอ้างว่านางคาตารีนาเป็นทาสสาวจากประเทศแถบตะวันออกในครอบครองของปีเอโร แต่ก็ไม่มีหลักฐานเด่นชัด
      ในสมัยนั้นยังไม่มีมาตรฐานการเรียกชื่อและนามสกุลที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรป ทำให้ชื่อและนามสกุลของดา วินชี ที่แท้จริงคือ เลโอนาร์โด ดิ แซร์ ปีเอโร ดา วินชี ซึ่งหมายความว่า เลโอนาร์โด บุตรชายของปีเอโร แห่ง วินชี แต่เลโอนาร์โดเองก็มักจะลงลายเซ็นในงานของเขาอย่างง่ายๆว่า เลโอนาร์โด หรือไม่ก็ ข้าเอง เลโอนาร์โด เอกสารสำคัญส่วนใหญ่ระบุว่าผลงานของเขาเป็นของ เลโอนาร์โด โดยไม่มี ดา วินชีพ่วงท้าย ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ใช้นามสกุลของบิดาเนื่องจากเป็นบุตรนอกสมรสนั่นเอง 




เคล็ดลับความสำเร็จ และความสามารถของเขา
      ใครต่อใครที่ไปเยือนฝรั่งเศส ต่างก็ปรารถนาที่จะได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
เพราะที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีศิลปกรรมระดับโลกประดับเป็นเกียรติยศอยู่หลายชิ้น หนึ่งในศิลปกรรมลือชื่อเหล่านั้นก็คือ ภาพโมนาลิซาของจิตรกรเอกนาม “เลโอนาร์โด ดาวินชี”
      ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางศิลปกรรมกว่า 2 แสนชิ้นที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์อันใหญ่โตโอฬารแห่งนี้   ภาพโมนาลิซาจะสามารถหลุดขึ้นมาเป็นนางเอกระดับหนึ่งไม่มีสองได้อย่างขาดลอย
แต่เมื่อเราได้มีโอกาสศึกษาลึกลงไปถึงเบื้องหลังของภาพกลับค้นพบแรงบันดาลใจในการทำงานและดำเนินชีวิตที่มีเสน่ห์ไม่แพ้ภาพโมนาลิซา นั่นก็คือ ความเป็นไปในชีวิตของตัวดาวินชีเอง
      ดาวินชีไม่ใช่ชาวฝรั่งเศสแต่เป็นชาวอิตาลี เขาเกิดเติบโตทำงานที่อิตาลี แต่ตลอดเวลาที่อยู่อิตาลีชีวิตของเขากลับมีแต่ความลุ่มๆ ดอนๆยิ่งในช่วงตอนปลายของชีวิตยิ่งลำบากหนัก ถึงขนาดต้องไปทำงานเป็นสถาปนิกบ้าง วิศวกรบ้าง อยู่แนวหน้ากับทหารในสงครามบ้าง แต่ต่อมาเมื่อกษัตริย์ฟรังซัวส์ที่ 1 ของฝรั่งเศสขึ้นเสวยราชย์แล้ว พระองค์ทรงมองเห็นอัจฉริยภาพของดาวินชี จึงเทียบเชิญให้เขาย้ายมาอยู่ฝรั่งเศส พร้อมทั้งมอบตำแหน่งจิตรกรเอกแห่งราชสำนักสถาปนิกหลวงและพระสหายของกษัตริย์ให้กับเขา
      ด้วยการตระหนักถึงคุณค่าแห่งความเป็น “อัจฉริยบุคคล” ของดาวินชีเช่นนี้เอง เมื่อดาวินชีสิ้นชีวิตลง ผลงานระดับ เพชรน้ำเอกของเขา จึงกลายเป็นสมบัติของชาติฝรั่งเศสไปโดยปริยาย
      การอยู่ในที่ที่มีคนเห็นคุณค่านับว่าเป็นเคล็ดลับแห่งความสำเร็จที่สำคัญมาก พระพุทธองค์ถึงกับตรัสเรื่องนี้ไว้ในมงคลสูตร (พระสูตรที่ว่าด้วยเคล็ดลับแห่งความสุขแลความสำเร็จ 38 ประการ) ว่า “การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นมงคลอันสูงสุด”


      ในโลกของการทำงาน มีคนทำงานจำนวนมากมายที่เป็นคนเก่ง มีอัจฉริยภาพเฉพาะตัวขั้นเทพ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ ทำงานหนักแทบล้มประดาตาย แต่เงินเดือนน้อยนิดเดียว ตำแหน่งไม่ขยับ เจ้านายไม่รัก คนแวดล้อมริษยา ยิ่งทำงานคุณภาพชีวิตยิ่งตกต่ำลง นั่นอาจเป็นไปได้ว่า เพราะเขาเหล่านั้นไม่ได้ทำงานอยู่ในที่ที่มีคนเห็นคุณค่าเหมือนกับดาวินชี


      การที่เราแต่ละคนจะได้อยู่ในที่ที่มีคนเห็นคุณค่าได้นั้น มีเหตุปัจจัยสองประการ
ประการหนึ่ง เราต้องเป็นฝ่ายเลือกที่จะอยู่ในที่ที่มีคนเห็นคุณค่า
ประการหนึ่ง เราเป็นฝ่ายถูกเลือกโดยคนที่เห็นคุณค่า
ประการแรกนั้น เราสามารถเลือกและปฏิบัติได้เลย ถ้าเราค้นพบว่าการอยู่ในที่เดิมรังแต่จะไม่มีอนาคต เหมือนดาวินชีอยู่ในอิตาลีแล้วมีแต่ความลุ่มๆ ดอนๆ
ประการหลังนั้น ต้องแล้วแต่ว่าจะมีคนที่เห็นคุณค่าของเราเมื่อไหร่ ซึ่งถ้ามีก็ดีไป ถ้าไม่มีก็คงต้องก้มหน้ารับชะตากรรมของชีวิตไปตามยถากรรม
      เราทุกคนที่เป็นคนทำงาน คงต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่า เราเป็นมนุษย์ทำงานที่มีความสามารถเพียงไร และความสามารถของเรานั้น ได้รับการยกย่องส่งเสริมให้เต็มภาคภูมิอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่

      ถ้าเราเก่ง เราเป็นเลิศ แต่เรายังคงหยุดอยู่กับที่ มองไปทางไหนก็ไม่มีอนาคต หากรู้สึกว่ากำลังเป็นเช่นนั้น ก็ควรจะรีบมองหาที่ที่มีคนเห็นคุณค่าให้ตัวเองได้แล้ว แต่ถ้ามองหาที่ที่มีคนเห็นคุณค่าไม่เจอ เราก็ต้องสร้างที่เช่นนั้นขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง 



รูปภาพที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมา